วันอังคารที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

ปัญญาประดิษฐ์ เทคโนโลยีขับเคลื่อนบ้านอัจฉริยะ กว่าจะถึงวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย


Amazon Echo, Google Home, Siri Speaker หรืออะไรก็ตาม ที่กำลังออกมาในรูปแบบของ ลำโพงขนาดเล็กให้ไปตั้งในบ้าน ทำหน้าที่รอรับฟังคำสั่งของมนุษย์ และดำเนินการตามคำสั่งเหล่านั้น
ดูเผิน ๆ ก็ไม่ต่างอะไรกับมือถือสักเครื่องใช่ไหม ? แต่คุณคิดผิดแล้ว เจ้าลำโพง (ที่มีไมโครโฟนในตัว) นี่แหละ ที่จะทำให้บ้านทั้งหลังของคุณฉลาดขึ้นได้ (อ่าแน่นอน ต้องอาศัยเงินของคุณด้วยและไม่น้อยเหมือนกัน)
การสำรวจล่าสุดในสหรัฐฯ เชื่อว่า 1 ใน 4 ของบ้านทั่วสหรัฐฯ มีอุปกรณ์ทำให้บ้านฉลาดอย่างน้อย 1 ชิ้น ไม่ว่าจะเป็นหลอดไฟที่ควบคุมด้วยแอพฯ ปลั๊กไฟ กลอนประตู หรือกล้องวงจรปิด แต่ที่น่าสนใจคือเกินครึ่งนั้นซื้อและครอบครองเจ้า ลำโพงฉลาดและแน่นอนว่า ลำโพงนั้นจะทำให้เกิดการติดตั้งอุปกรณ์อื่น ๆ เพิ่มเติมด้วย
เพราะลำโพงที่เชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ใหญ่นั้นเปรียบดังสมองของบ้าน แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ยังต้องพึ่งพาแขนขาและอวัยวะอื่น ซึ่งกระจายตัวในรูปแบบของอุปกรณ์หรือเซนเซอร์ตรวจวัดทั่วบ้าน
มองกลับมาที่ประเทศไทย อาจจะไม่เกินปี 2562 ที่เราจะเริ่มเห็นบริษัทยักษ์ใหญ่เหล่านี้พัฒนาซอฟต์แวร์ที่จะรองรับให้เราสั่งงานเป็นภาษาไทยได้
แน่นอนที่สุด วันนี้มันยังเป็นของประเภทที่ต้องมีเงินเหลือเท่านั้นถึงจะควรซื้อมาใช้ แต่มันจะไม่เป็นเช่นนั้นตลอดไปแน่นอน ไม่เชื่อก็ลองนึกย้อนไปถึงวันที่คอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือเป็นของฟุ่มเฟือยสิ
 
ภาพจากเว็บไซต์ Amazon

นักอนาคตศาสตร์

นักอนาคตศาสตร์เชื่อ ใน 30 ปี เทคโนโลยีจะช่วยให้คนมีชีวิต อมตะ
ความคิดนี้มาจากการคาดคะเนของดร. Ian Pearson นักอนาคตศาสตร์ (futurologist) ระดับแนวหน้า ด้วยพัฒนาการของเทคโนโลยีเชื่อได้ว่าคนที่มีชีวิตอยู่จนถึงปี พ.ศ. 2593 อาจมีชีวิตที่เป็นอมตะซึ่งรวมถึงพันธุวิศวกรรมที่จะช่วยคืนความเป็นหนุ่มสาวให้กับเซลล์ในร่างกายและไบโอเทคโนโลยีที่จะช่วยสร้างอวัยวะใหม่ขึ้นมาทดแทนอวัยวะที่เสื่อมสภาพไป ไม่มีใครอยากเป็นอมตะในสภาพของคนอายุ 80-90 หรอก ถ้าทำได้ใคร ๆ ก็อยากให้ตัวเองเหมือนเมื่อตอนอายุ 20-30 ด้วยกันทั้งนั้นดร. Pearson ยังมองว่าชีวิตที่ไม่มีวันตายอาจไม่ได้หมายถึงการยึดติดกับร่างกายเดิม ถ้าอุปสรรคของชีวิตอมตะคือร่างกายที่เสื่อมสลายไปตามกาลเวลา ต่อไปอาจมีการพัฒนาเทคโนโลยีที่ช่วยให้สามารถอัปโหลดจิตสำนึกไปเก็บไว้ใน “clound” จากนั้นก็ดาวน์โหลดใส่แอนดรอยด์หรือหุ่นยนต์เหมือนคนแบบไหนที่ไหนก็ได้ทั่วโลก
           
  ดร. Pearson เชื่อว่าเทคโนโลยีทั้งหลายทั้งปวงเพื่อชีวิตที่เป็นอมตะนี้เกิดได้ภายในปี 2593 หรืออีกประมาณ 30 ปี ถ้าคุณเกิดหลังปี 2513 ปีนี้คุณอายุ 48 คนที่อายุไม่ถึง 50 ถือว่ายังมีโอกาสได้ใช้เทคโนโลยีนี้ หรือก็คือมีโอกาสจะมีชีวิตที่เป็นอมตะ ส่วนคนที่ตอนนี้ยังอายุไม่ถึง 40 คุณได้รับโอกาสนั้นแน่นอนในช่วงแรกค่าใช้จ่ายจะต้องสูงมากแน่ ๆ ซึ่งจะมีเพียงมหาเศรษฐีเท่านั้นที่เอื้อมถึง แต่ให้หลังประมาณ 10 ปี ชนชั้นกลางทั่วไปก็น่าจะเข้าถึงได้
เอกสารที่ดาวน์โหลด

google

Google” ไม่ต่อสัญญาพัฒนาเทคโนโลยีให้ เพนตากอนหลังพนักงานประท้วงรุนแรง





สำนักข่าว CNN รายงานอ้างอิงแหล่งข่าววงใน ระบุว่า ไดแอน กรีน ซีอีโอของกูเกิล คลาวด์ (Google Cloud) กล่าวกับพนักงานในบริษัทกูเกิลว่า ภารกิจการทำงานร่วมกับกระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ หรือ เพนตากอน (Pentagon) ภายใต้โครงการรักษาความปลอดภัยด้วยเทคโนโลยีที่เรียกว่า มาเวน” (Maven) จะยังคงดำเนินต่อไปตามแผนเดิมจนกระทั่งเดือนมีนาคม 2019 เท่านั้น 

โครงการมาเวนคือโครงการที่นำเอาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ เอไอ (AI) เข้ามาใช้พัฒนาโดรนคุณภาพสูงของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เพื่อจุดประสงค์หลักในการใช้ตรวจตรารักษาความปลอดภัยที่ได้เริ่มขึ้นตั้งแต่เดือนมีนาคม 2018 ที่ผ่านมา

โดยมีหลักในการทำงานง่ายๆ ก็คือการที่กูเกิลจะช่วยพัฒนาโดรนของเพนตากอนด้วยเทคโนโลยี Image Classification หรือการแยกแยะสิ่งของต่างๆ จากการถ่ายภาพด้วยโดรน เช่น การระบุว่าสิ่งนี้คืออาคาร สิ่งนี้คือรถเข็น และสิ่งนี้คือรถยนต์ เป็นต้นในด้านของรายได้ ผู้สื่อข่าวของเว็บไซต์ Gizmodo สื่อแรกที่นำเสนอข่าวนี้ชี้ว่าสัญญาครั้งนี้มีมูลค่าน้อยนิดเมื่อเทียบกับรายได้หลักจากการให้บริการปกติของกูเกิล เพราะมีการคาดการณ์ว่ากูเกิลน่าจะได้รับค่าจ้างจากเพนตากอนเป็นเงินประมาณ 15 ล้านดอลลาร์ หรือราว 480 ล้านบาทเท่านั้น แต่แหล่งข่าวเชื่อว่าเม็ดเงินไม่ใช่ปัจจัยสำคัญที่ทำให้กูเกิลตอบตกลงร่วมงานกับเพนตากอน แต่เป็นโอกาสที่จะได้ร่วมงานในโปรเจกต์ที่ใหญ่กว่าในอนาคต 

 ภาพ :new.qq.com
เอกสารดาวน์โหลด
 




วันอังคารที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2561

ปัญญา ประดิษฐ์ เทคโนโลยีขับเคลื่อนบ้านอัจฉริยะ กว่าจะถึงวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย Amazon Echo, Google Home, Siri Speaker หรืออะไรก็ตาม...

goolge